เมษายน 29, 2024, 06:18:56 am

ข่าว:

บริการเจาะสำรวจดินและทดสอบดิน โทร. 0-2729-5031, 085-917-7163


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - denichammy

46
 ;) การเจาะสำรวจดิน เป็นลักษณะของการทำให้พื้นดินของทุก ๆ โครงการก่อสร้าง มีลักษณะเป็นหลุมเจาะ ซึ่งมีลักษณะมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเล็ก เพื่อเก็บตัวอย่างดินขึ้นมาจากหลุมเจาะ ตามมาตาฐานของ ASTM D1586, Standard Method for Penetration and Split-Barrel Sampling Soils ซึ่งเป็นชี้ชัดลงไปเลยว่า เป็นการทำ boring หรือ การทดสอบ penetration test ก็จะบอกผลที่ได้จากการทดสอบเป็นค่า N value. การเจาะดินแบบขั้นเทพ ต้องใช้ hollow stem auger เป็นลักษณะของสว่านที่เป็นแกนกลวง ที่ใช้ในการเก็บตัวอย่างดินที่ไม่มีเศษดินจากการเจาะเข้ามาวุ่นวายกับตัวอย่าง หรือ flush joint casing (FJC) เรียกันง่าย ๆ เลยว่า casing เพื่อป้องกันการพังทลายของดินลงไปในหลุมจาะ โดยปกติแล้ว เราจะเก็บตัวอย่างดินกันทุก ๆ 1.5 เมตร ในบางกรณีของการเจาะดิน เพื่อความชัวร์และแน่นอนในการเก็บตัวอย่างของดิน เราก็จะเก็บกันทุก ๆ 1 เมตร กันเลย ถ้าเจาะไปแล้วเจอหินที่อยู่ใต้ดิน ก็จะวิธีการ Coring หิน สำหรับตัวอย่างหินที่เก็บขึ้นมานั้นจะอยู่ที่ 12 ถึง 18 นิ้ว  :wanwan021:
47
 :D COST SAVING ! ด้วยลวดสลิงกับเชือก จำเป็นต่อการเจาะดินหลุมลึก : ในกรณีของการเจาะดินหลุมลึก เชือกที่ใช้จะขาดแทบทุกครั้ง ทำให้สิ้งเปลืองเชือกโดยใช่เหตุ จึงต้องนำลวดสลิงมาใช้ประกอบด้วย เพื่อประหยัดต้นทุนในการเจาะดิน  :wanwan021:
48
 ;D  ;D ผมเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งบรรยากาศในหมู่บ้านของผมนั้น แตกต่างจากบรรยากาศบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ที่ปล่อยออกมาจากท่อไอเสียของรถยนต์บนถนนหลวงในกรุงเทพมหานคร แต่สำหรับในหมู่บ้านจัดสรรค์ของผมนั้น มีต้นไม้ใบหญ้าช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และคายก๊าซออกซิเจนออกมาให้เราได้ชุ่มปลอดกันไปเลย ซึ่งผมคิดว่าการได้เข้าอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรนั้น ทำให้ผมมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ผมมีความสุขมากครับที่ได้เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ เมื่อกล่างหมู่บ้านจัดสรรผุดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครเพียงแห่งเดียว นักลงทุนจำนวนไม่น้อยต่างพากันไปจับจองพื้นที่ในต่างจังหวัดเพื่อจัดสรรพื้นที่เพื่อปลูกบ้านขาย เป็นผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต ดูเหมือนว่าจะมีเศรษฐกิจดีที่สุดในภาคใต้เลยก็ว่าได้ จึงเหมาะแก่การลงทุนทำธุรกิจบ้านจัดสรรเป็นอย่างยิ่ง ทุกอนุภาคของโอโซนที่คุณและหวานใจได้รับจากเกาะสวาทหาดสวรรค์แห่งนี้ จะเป็นตัวชี้วัดถึงการมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังเปรียบเสหมือนเข็มทิศที่บอกถึง วิถีทางการดำเนินชีวิตของคุณ ว่าคุณต้องจะต้องเดินไปในเส้นทางไหนอย่างไร หากคุณเลือกที่จะทำธุรกิจบ้านจัดสรรบนที่ดินใน จังหวัดภูเก็ต คุณมาถูกทางแล้วครับ ชีวิตคุณจะเจริญรุ่งเรืองแลพก้าวหน้าขึ้นอย่างแน่นอน บอกไว้ก่อนนะครับว่า ผมไม่ใช่นายหน้าขายที่ดินแต่ประการใด ผมอยากให้เพื่อนรู้ว่า ที่ดินบนเกาะภูเก็ตนั้นดีอย่างไร ผมขออนุญาติโฆษณาแฝงไว้นิดนึงว่า ทาง บริษัท เดนิช ซอยล์ เอ็นจิเนียริ่ง ก็ได้ไปเจาะสำรวจดินบนเกาะภูเก็ตนี้หลายครั้งแล้ว จึงได้เห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ได้เดินทางมาลงหลักปักฐานบนเกาะสวาทหาดสวรรค์แห่งนี้  ???  ???
49
 ;D ฐานรากเป็นส่วนสำคัญที่พยุงอาคารไว้ทั้งหลัง ความมั่นคงของฐานรากต่อการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ สิ่งเหล่านี้ในขั้นตอนการวิเคราะห์และออกแบบโครงสร้าง เราสามารถควบคุมหรือต่อปัจจัย ที่นอกเหนือจากการควบคุมได้ แต่ในขั้นตอนของการก่อสร้างจริง เราไม่สามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ เหล่านั้นได้ ลำดับแรกจะขอกล่าวถึง กรณีของฐานรากแผ่ ซึ่งเป็นกรณีของกำลังรับแรงแบกทานของดิน (qa) ไม่ผ่าน บ่อยครั้งที่งานก่อสร้างฐานแผ่ ปราศจากการเจาะสำรวจดินและทดสอบดิน เพื่อทดสอบกำลังรับน้ำหนักบรรทุกปลอดภัยของดิน ณ ตำแหน่งระดับความลึกของการวางฐานราก รวมถึงไม่คำนึงถึงระดับน้ำใต้ดิน จึงเป็นสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ฐานรากทรุดตัว ฐานรากเอียงเนื่องจากการทรุดตัวไม่เท่ากันของฐานราก ซึ่งในการออกแบบฐานแผ่โดยทั่วไป วิศวกรโยธาหรือบุคลากรผู้ออกแบบมักตั้งค่าตัวเลขของกำลังรับน้ำหนักบรรทุกปลอดภัยของดินขึ้นมาลอย ๆ ก่อน ถามว่า ตัวเลขดังกล่าวนั้น ได้มาจากไหน ผมตอบได้เลยว่า ได้มาจากการนั่งเทียนเขียน จากประสบการณ์ หรือ สถิติตัวเลขที่เคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว หรือ จากผลงานหรือโครงการก่อน ๆ ที่เคยเก็บรวบรวมเอาไว้เพื่อเป็นกรณีศึกษาของโครงการก่อสร้างต่อ ๆ ไป หรือ ข้อมูลแวดล้อมจากสิ่งปลูกสร้างในระแวกใกล้เคียง ซึ่งจะเห็นได้จากกรณีศึกษาจากประเด็นข่าว อาคารสูง 7 ชั้น ศูนย์การค้าเซียร์รังสิตได้มีการทรุดและเอียงลงมาได้นะครับ เห็นหรือไม่ครับว่า การเจาะสำรวจดินและทดสอบดิน เพื่อนำไปใช้ในการออกแบบและคำนวณหาค่ากำลังน้ำหนักบรรทุกปลอดภัย ก็จะหมายถึงการมุ่งประเด็นไปที่ความปลอดภัยในระยะยาวของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ ในกรณีของการทรุดและเอียงของอาคาร อาจเนื่องมาจากสภาพดินที่ระดับการวางฐานแผ่อ่อนเกินไปจนถึงอ่อนมาก จึงมีค่ากำลังรับน้ำหนักบรรทุกปลอดภัยของดินต่ำ ไม่เป็นไปตามที่วิศวกรโยธาผู้ออกแบบเลือกใช้ในการออกแบบ แม้แต่น้ำหนักของตัวฐานเอง ดินก็ยังรับไม่ได้ หรืออาจเป็นผลมาจากน้ำที่เกิดขึ้นในขณะก่อสร้าง ถึงอย่างไรก็ตาม ค่ากำลังน้ำหนักบรรทุกปลอดภัยก็ยังเป็นพระเอกของเรื่องนี้อยู่ดี สำหรับการแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์เบื้องต้น ถ้าทำได้นะครับ เราควรปรับปรุงสภาพดินใต้ฐานราก ออกแบบใหม่ด้วยการเพิ่มพื้นที่ฐานเพื่อลดหน่วยแรงแบกทานให้เบาลง ออกแบบใหม่โดยการเปลี่ยนจากฐานแผ่ไปเป็นฐานรากเสาเข็มแทน :-[

ท่านผู้อ่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก : http://blog.gooshared.com/view/53
50
 :wanwan020: วันนี้เรามากล่าวถึงเรื่อง ภัยคุกคามจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มีผลกระทบต่อการเจาะสำรวจดินกลางมหาสมุทรกันนะครับ โดยเฉพาะระดับ น้ำขึ้น-น้ำลง ของน้ำทะเลขึ้นสูง ก็จะต้องมีการต่อ Casing ให้สูงขึ้น ถ้าน้ำทะเลลง ก็ต้องถอด Casing ให้ต่ำลงเท่าเดิม เพื่อให้ระดับ Casing เหมาะสมกับการเจาะสำรวจดินแต่ละครั้ง น้ำเค็มจะทำปฏิกริยากับ Bentonite ซึ่งมีความแตกต่างกับการเจาะดินบนบกที่ใช้น้ำจืดในในการเจาะ ถ้าคลื่นลมแรง เป็นผลให้การติดตั้งโป๊ะหรือแพเป็นไปอย่างยากลำบาก ใช้เวลานาน  :wanwan044:     
51
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์  หากเป็นชาวบ้านทั่วไปซื้อขายกัน ก็อาจใช้วิธีตกลงกันด้วยวาจาแบบง่ายๆ ตามประสาชาวบ้าน  แล้วนัดไปเจอกันที่สำนักงานที่ดินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์และชำระเงินกันที่นั่นเลย  ซึ่งหากฝ่ายใดเกิดงอแง  ก็จะคุยกันไม่รู้เรื่องและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่บานปลายได้  การตกลงจะซื้อขายกันทุกครั้งจึงควรทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดจากการเข้าใจผิดในเงื่อนไขของการซื้อขาย

ข้อตกลงของผู้จะซื้อและผู้จะขายที่จะทำเป็นลายลักษณ์อักษรนี้เรียกว่า "สัญญาจะซื้อจะขาย"  ซึ่งหากชาวบ้านทั่วไปจะทำกันเองก็น่าจะได้  เพียงแต่ให้มีประเด็นเงื่อนไขที่เป็นข้อตกลงอย่างครบถ้วน  เราลองมาดูกันว่า หากจะทำสัญญาแบบง่ายๆ ขั้นพื้นฐาน ที่ไม่ซับซ้อนและเข้าใจง่ายนั้น ควรจะมีประเด็นอะไรบ้าง

1. ชื่อของคู่สัญญาทั้งผู้จะซื้อและผู้จะขาย  เขียนชื่อและนามสกุลของทั้งสองฝ่าย  โดยชื่อผู้จะขายจะต้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่มีชื่ออยู่ในโฉนด  หากมีผู้ถือกรรมสิทธิ์มากกว่าหนึ่งคน จะต้องเขียนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ทุกคนลงในสัญญาทั้งหมด  ส่วนผู้จะซื้อจะใช้ชื่อกี่คนก็ได้

2. ทรัพย์สินที่ตกลงจะซื้อขาย  จะต้องระบุให้ชัดเจนว่าตกลงจะซื้อขายทรัพย์สินอะไรเช่น ที่ดินเนื้อที่ 200 ตรว.   หากมีสิ่งปลูกสร้างให้ระบุลักษณะของอาคารลงไปด้วยเช่น พร้อมบ้าน 2 ชั้น  เลขที่132   โฉนดเลขที่............ เลขที่ดิน........... ตั้งอยู่ที่แขวง........... เขต...........  จังหวัด...........

3. ส่วนอื่น ๆ ที่รวมอยู่ในการซื้อขาย  เช่นปั้มน้ำ - แท้งค์น้ำ - มิเตอร์น้ำ / ไฟฟ้า / โทรศัพท์ - แอร์ - เครื่องทำน้ำอุ่น-บิ้วท์อิน-เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ  หากมีการตกลงขายรวม  ให้ระบุของแต่ละรายการลงในสัญญาทั้งหมด

4. ราคาที่ตกลงจะซื้อขาย  จะระบุเป็นตัวเลขซื้อขายเหมารวมทั้งหมด  หรือจะซื้อขายเป็นราคาต่อตารางวาก็ได้ (ในกรณีที่ซื้อขายเฉพาะที่ดิน)

5.  เงินมัดจำการตกลงจะซื้อ  ผู้จะซื้อจะต้องวางเงินมัดจำหรือเงินประกันการตกลงจะซื้อทรัพย์ สินให้แก่ผู้จะขาย เพื่อยืนยันว่าซื้อแน่ ส่วนจำนวนเงินมัดจำที่จะวางกันนั้น จะอยู่ในช่วงประมาณ 5 - 20 % ของราคาที่ตกลงจะซื้อขายกัน ตามแต่จะตกลงกัน

6. กำหนดเวลาการโอนกรรมสิทธิ์  ซึ่งมักจะทำในวันและเวลาเดียวกันกับการชำระเงินค่าซื้อขายในส่วนที่เหลือทั้งหมด  ให้กำหนดเวลาโดยดูจากความสะดวกและจำเป็นของทั้งสองฝ่าย  หากผู้จะซื้อไม่ต้องกู้เงินจากธนาคารก็สามารถนัดโอนกรรมสิทธิ์ในเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 30 วัน  แต่หากต้องกู้เงินก็อาจขอเวลาออกไปเป็น 60 วัน  หรือนานกว่านั้น แล้วแต่จะตกลงกัน

7.ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์และภาษี  มักจะมีคำถามเสมอว่า ฝ่ายใดควรรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนไหน  ก็คงต้องมาดูว่าค่าใช้จ่ายตรงนี้มีอะไรบ้าง  ค่าธรรมเนียม 2%,  ค่าอากรแสตมป์ 0.5%, ภาษีเงินได้คิดโดยใช้สูตรคำนวณตามระยะเวลาถือครองทรัพย์สิน  และสุดท้ายคือภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3%  ( ถ้าต้องเสียก็จะได้รับการยกเว้นค่าอากรแสตมป์ )  หากพิจารณาดูจะเห็นได้ว่าภาระเรื่องภาษีเงินได้และภาษีธุรกิจเฉพาะน่าจะตกแก่ผู้จะขาย  ด้วยเจตนาของรัฐท่านที่อุตส่าห์ตั้งชื่อภาษีของทั้งสองประเภท  ซึ่งฟังดูไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับผู้จะซื้อแม้แต่น้อย ส่วนค่าธรรมเนียมโอนและอากรแสตมป์ อยู่ที่การตกลงกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ผู้จะขายมักจะเป็นฝ่ายแบกรับไป

บทความโดย คุณวิวัฒน์ ผุงประเสริฐ

ที่มา: http://www.topbaan.com/topnewsvv1.htm










52
 ;D เรื่องที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้ จะไม่เกี่ยวข้องกับน้ำใต้ดินที่เรานำมาใช้ประกอบการเจาะสำดินและทดสอบดินแต่งอย่างใด น้ำใต้ดินนับเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งของมนุษย์สำหรับอุปโภคบริโภค พื้นที่บางแห่งอาจมีความจำเป็นต้องใช้แหล่งน้ำใต้ดินเนื่องมาจากการขาดแคลนแหล่งน้ำผิวดิน เช่น ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่ามีปริมาณการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้เป็นจำนวนมาก การนำน้ำใต้ดินมาใช้โดยการขุดเจาะบ่อบาดาลลึกลงไปในชั้นหิน ซึ่งสามารถทำได้สะดวกและมีค่าใช้จ่ายน้อย ในทำนองเดียวกันการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อนำน้ำใต้ดินมาใช้มากเกินไป จะทำให้เกิดปัญหาแผ่นดินทรุด สำหรับการขุดเจาะบ่อบาดาลมักขุดเจาะในแนวดิ่ง แต่ในบางบริเวณอาจทำในแนวนอน ลักษณะของทางน้ำซับซึ่งมักพบบริเวณเขตภูมิอากาศร้อนและแห้งแล้งแถบตะวันออกกลางหรือทางตอนเหนือของแอฟริกาในประเทศอิหร่าน เรียกว่า "กราแนต" (Ganat) โดยการขุดอุโมงค์ในแนวนอนเข้าไปตามไหล่เขาที่มีการทับถมของตะกอนเพื่อให้น้ำไหลซึมมารวมกันแล้วนำน้ำไปใช้ ส่วนแถบหมู่เกาะฮาวายของประเทศสหรัฐอเมริกามีการขุดเจาะในแนวเฉียง ประมาณ 30 องศา เรียกว่า "เมาอิ" (Maui) การขุดเจาะบ่อบาดาลโดยทั่วไปจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร หรือมากกว่า และบ่อจะมีความลึกประมาณ 300 เมตร อย่างไรก็ตามการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อนำน้ำขึ้นมาใช้อาจทำให้เกิดแผ่นดินทรุดได้ เนื่องจากการขุดและสูบน้ำขึ้นมาใช้ในปริมาณมาก ๆ ระดับน้ำในบ่อจะลดต่ำลง น้ำใต้ดินในบริเวณรอบๆ บ่อจะไหลเข้ามาแทนที่น้ำในบ่อน้อยลง จึงทำให้เกิดการทรุดตัวของดินโดยรอบบ่อมีลักษณะการทรุดตัวของแผ่นดิน บางครั้งเป็นรูปกรวย เรียกว่า กรวยน้ำยุบ (Cone of Depression)
         
           นอกจากนั้นแล้วน้ำใต้ดินอาจเกิดการเน่าเสีย มีสิ่งเจือปนได้เนื่องมาจากการทิ้งขยะมูลฝอย โดยปราศจากการปูรองก้นหลุมหรือการจัดการที่ดีพอ ทำให้เมื่อเกิดฝนตกลงมาน้ำที่ไหลแทรกซึมไปตามกองขยะจะชะล้างเอาสิ่งสกปรกแล้วพัดพาซึมลงสู่แหล่งน้ำใต้ดิน หรือสารเคมีจากโรงงานล้วนมีผลต่อการเกิดมลพิษต่อน้ำใต้ดินทั้งสิ้น ตลอดจนสารกัมมันตภาพรังสีจากโรงงานไฟฟ้าปรมาณูที่บรรจุภาชนะเหล็กนำไปฝังดิน เมื่อภาชนะดังกล่าวผุพังและมีน้ำไหลผ่าน น้ำจะละลายสารกัมมันตภาพรังสีลงไปด้วย นับว่าเป็นอันตรายอย่างมาก อย่างไรก็ตามประโยชน์ของน้ำใต้ดินนอกจากใช้ในการอุปโภคบริโภคแล้ว ยังมีประโยชน์ในแง่การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น น้ำพุร้อน และน้ำพุร้อนยังมีการนำมาพัฒนาการใช้ประโยชน์จากพลังงานความร้อนใต้พิภพได้อีก เช่น โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ด้านการผลิตกระแสไฟฟ้า การใช้พลังงานในการอบ หรือบ่มผลผลิตทางด้านการเกษตร เป็นต้น  :wanwan017:

ที่มา : http://www.rmutphysics.com/charud/naturemystery/sci3/geology/8/index_ch_8-4.htm
53
 ??? การทดสอบดินจะดำเนินการทดสอบโดยวิศวกรปฐพีกลศาสตร์ ซึ่งจะต้องมีการเจาะดินให้เป็นหลุม สิ่งที่จะต้องพิจารณาจะเป็นไปตามขั้นตอนต่อไปนี้ สภาพชั้นดินต้องมีความแข็งแรงเพียงพอที่รองรับโครงสร้างของฐานราก เสาเข็ม คือ ดินต้องให้ความช่วยเหลือในการผ่อนกำลังของฐานราก เสาเข็มให้มาก ในเรื่องของการทดสอบการซึมผ่านของน้ำในดิน เพื่อทดสอบระบบบำบัดน้ำเสียว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอสามารถรองรับในเรื่องการซึมผ่านของน้ำ รวมไปถึงการรั่วซึมของถังกักเก็บที่อยู่ใต้ดิน เพื่อป้องกันมิให้สารพิษหรอสารปนเปื้อนที่มากับน้ำเสียลงสู่ชั้นดินได้  :wanwan001:
54
 ;D  ;D หลังจากได้ดำเนินการเจาะสำรวจดินได้ระดับตามความลึกที่กำหนดไว้แล้ว ตัวอย่างดินที่ได้ตามมาตราฐานการทดสอบ จะต้องให้ปลายของหลอดลงต่ำกว่าก้นหลุมเจาะ ตุ้มที่ใช้ตามมาตราฐานการเจาะดินจะมีน้ำหนัก 140 ปอนด์ ยกสูง 30 นิ้ว เราจะมีการบันทึกตัวอย่างทุก ๆ ระยะ 6 นิ้ว แล้วนำค่า SPT สองครั้งสุดท้ายรวมกัน และจดบันทึกเป็นค่า N Value  :wanwan001:
55
 :D กาเจาะสำรวจดินไม่ใช่แค่การเจาะดินให้เป็นหลุมเพียงอย่างเดียว จะหมายรวมถึงการทดสอบดินทั้งในภาคสนาม และการทดสอบดินในห้องปฏิบัติการด้วย ค่าที่ได้มาพร้อมกับการเจาะดินคือ ค่า Standard Penetration Test อาจเรียกได้ว่า เป็นมาตรฐานการทดสอบดิน ค่าที่ได้จะเป็นในรูปแบบของตัวเลข หรือ ค่า SPT เป็นค่าที่แสดงผลให้เราทราบว่า ตัวอย่างดินที่ได้จากการเจาะดินนั้น มีความแข็ง หรือ อ่อนอยู่ในระดับไหน  ;D
56
 :D กุญแจสำคัญที่จะทำให้ประสบคสามสำเร็จในธุรกิจเจาะสำรวจดิน คือ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ความซื่อสัตย์ ความมีประสิทธิภาพในการทำงาน ความเหมาะสมในเรื่องของราคา และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งจะเห็นได้จากการกลับมาใช้บริการเจาะสำรวจดินซ้ำอีก การแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยด้วยเพื่อสร้างความหน้าเชื่อถือด้วยครับ ดังคำกล่าวที่ว่า "แต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง" :wanwan021:
57
 ??? การเจาะดิน เป็นการดำเนินงานเพื่อศึกษาคุณสมบัติของดินแต่ละชั้นดินของดินในแต่ละพื้นที่ ก่อนที่จะออกแบบฐานรากของอาคารสูง เพื่อประเมินความสามารถในการรับน้ำหนักของดิน และเลือกใช้ฐานรากที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของดินนั้น ๆ ซึ่งดินแต่ละชั้นมีความแตกต่างกันออกไป บางชั้นก็มีทรายผสมอยู่มาก น้อย แตกต่างกันใหม่ โดยเฉพาะดินถ้าเป็นดินที่พบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็เจาะไม่ลึกเท่าไร ก็พบกรวดผสมอยู่มากพอสมควร ท่านผู้อ่านคงยังไม่เห็นความสำคัญของการเจาะดินเท่าๆไรนัก โครงสร้างชั้นดินที่ดีต้องมีความแข็งแรงเพียงที่จะรับน้ำหนักโครงสร้างฐานรากแข็งแรงไปด้วย ยึดโครงสร้างของอาคารไว้คงอยู่ท่านตลอดไป  :wanwan023:
58
 ;) ผลการเจาะดิน หรือ การเจาะสำรวจดิน ของแต่ละที่ ทำเล ที่ตั้งของโครงการ จากการจำแนกแยกประเภทชั้นดินที่สามารถเห็นได้จาก Boring Log เป็นที่แสดงให้เห็นเด่นชัดว่า ชั้นดินของแต่ละความลึกมีความแตกต่างกันมาก ถ้าไม่ใช่ชั้นดินออ่อนในกรุงเทพมหานคร ต้องมีการตอก BLOW เพื่อเก็บตัวอย่างดินกันเกือบทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นแรกถึงชั้นสุดท้าย ค่าที่ออกก็จะเป็น SS เก็บด้วยกระบอกบาง แต่ถ้าเป็นชั้นดินออ่อนในเขตกรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียง ก็ใช้วิธีการกดลงในช่วงแรก ค่าที่ได้ก็จะเป็น ST เก็บด้วยกระบอกบาง  :wanwan022:
59
รศ.ดร.วรากร เจ้าของรางวัลคนแรกของรางวัลศาสตราจารย์ ดร.ชัย มุกตพันธุ์ ได้อธิบายถึง "วิศวกรรมปฐพี" หมายถึง สาขาย่อยสาขาหนึ่งของวิศวกรรมโยธา ซึ่งเน้นเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างที่วางอยู่บนดิน หรือที่เรียกว่า "ฐานราก" และสิ่งก่อสร้างที่ใช้ดินเป็นวัสดุก่อสร้าง เช่น เขื่อน โดยกว่า 80-90% ของเขื่อนในประเทศไทยเป็นเขื่อนเพื่อการชลประทาน ในส่วนของประโยชน์ของ วิศวกรรมปฐพี ก็จะเป็นประโยชน์ต่องานโครงการก่อสร้างหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น อาคาร โรงงาน สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน อุโมงค์ รวมถึงการวางฐานรากให้กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิที่จะขาดการทำงานของวิศวกรปฐพีไปไม่ได้  :D  :D

ที่มา : http://www.dmc.tv/print/news/2007-02-23-2.html
60
 :wanwan021: การออกแบบฐานรากเพื่อรองรับน้ำหนักโครงสร้างในงานวิศวกรรมฐานรากทั่วโลกนั้นสามารถที่จะดำเนินการโดยการใช้ฐานรากแผ่หรือฐานรากเสาเข็ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของดินที่ตั้งโครงสร้างนั้น สำหรับการออกแบบฐานรากและการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ได้ดำเนินงานออกแบบตามหลักมาตรฐานทางวิศวกรรมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งมีการควบคุมดูแลและตรวจสอบโดยบริษัทวิศวกรที่ปรึกษาระดับโลกอย่างละเอียดในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน โดยก่อนดำเนินการก่อสร้างโครงการของ ปตท.จะต้องมีการสำรวจและวิเคราะห์ด้านวิศวกรรมปฐพีทั้งในขั้นตอนการออกแบบเบื้องต้นและขั้นตอนออกแบบรายละเอียดของโครงการ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทและผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมฐานรากและปฐพีกลศาสตร์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นศาสตร์สาขาทางวิศวกรรมที่ลึกและเฉพาะด้านกว่างานวิศวกรรมโยธาโดยทั่วไป ภายใต้การควบคุมดูแลโดยบริษัทวิศวกรที่ปรึกษาอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งจากการสำรวจพบว่าดินส่วนใหญ่เป็นดินคุณภาพดีโดยเป็นดินแน่นถึงแน่นมากและดินแข็งถึงแข็งมาก ทั้งนี้ยังได้มีการปรับปรุงคุณภาพดินและบดอัดอีกตามหลักทางด้านวิศวกรรมฐานรากเพื่อความปลอดภัยสูงสุด และได้ทำการทดสอบกำลังรับน้ำหนักของดินตามขั้นตอนอีกขั้นหนึ่ง เพื่อใช้ในการออกแบบฐานรากเพื่อรองรับน้ำหนักโครงสร้างต่อไป  ???